Close sites icon close

เว็บไซต์ของแต่ละประเทศ

Search form

ค้นหาในเว็บไซต์ของประเทศ

ข้อมูลประเทศ

เว็บไซต์ของแต่ละประเทศ

อนุสัญญาปี ค.ศ.1951 ว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย

อนุสัญญาปี ค.ศ.1951 ว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย

อนุสัญญาปี ค.ศ. 1951 ว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัยเป็นเอกสารทางกฎหมายที่กำหนดการทำงานขั้นพื้นฐานของ UNHCR ลงนามและให้สัตยาบันโดย 146 รัฐภาคี อนุสัญญาดังกล่าวกำหนดความหมายของคำว่า ‘ผู้ลี้ภัย’. สิทธิของผู้ลี้ภัย ตลอดจนพันธกรณีของรัฐภาคีในการคุ้มครองผู้ลี้ภัย“หลักการไม่ผลักดันกลับ” อันเป็นหลักการพื้นฐานได้ยืนยันสิทธิของผู้ลี้ภัยที่จะต้องไม่ถูกผลักดันกลับไปยังประเทศที่พวกเขาต้องเผชิญภัยร้ายแรงต่อชีวิตหรืออิสรภาพ หลักการดังกล่าวนี้ได้รับการยอมรับและปฏิบัติเป็นหลักกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศแล้วในปัจจุบันUNHCR ทำหน้าที่เสมือนผู้คุ้มครองของอนุสัญญา ปี ค.ศ.1951 และ “พิธีสาร ปี ค.ศ.1967ตามอนุสัญญาฯ นั้นรัฐภาคีมีพันธกรณีในการประสานงานกับUNHCR เพื่อประกันว่าผู้ลี้ภัยได้รับความคุ้มครองและเข้าถึงสิทธิที่พึงได้รับ
© UN Archives

คำถามที่ถูกถามอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับอนุสัญญาว่าด้วยผู้ลี้ภัยปี ค.ศ.1951 และพิธีสาร ปี ค.ศ.1967

คำนิยามของผู้ลี้ภัย (ส่วนหนึ่งจากอนุสัญญา)

ผู้ที่ไม่สามารถเดินทางกลับมาตุภูมิเนื่องจากความหวาดกลัวซึ่งมีมูลอันจะกล่าวอ้างได้ว่าจะได้รับการ

  • ประหัตประหารด้วยสาเหตุทางเชื้อชาติ ศาสนา สัญชาติ สมาชิกภาพในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งทางสังคม หรือความคิดเห็นทางการเมือง
  • เป็นบุคคลที่อยู่นอกอาณาเขตรัฐแห่งสัญชาติตน และไม่สามารถหรือไม่สมัครใจที่จะได้รับความคุ้มครองจากรัฐแห่งสัญชาติตนเนื่องจากความหวาดกลัวดังกล่าว
  • หรือนอกจากนี้เป็นบุคคลไร้สัญชาติซึ่งอยู่นอกอาณาเขตรัฐเดิมที่ตนมีถิ่นฐานพำนักประจำแต่ไม่สามารถ หรือไม่สมัครใจที่จะกลับไปเพื่อพำนักในรัฐดังกล่าว ด้วยเหตุแห่งความหวาดกลัวข้างต้น

อนุสัญญาฉบับนี้จะไม่ใช้ต่อบุคคลที่ ณ เวลาปัจจุบันได้รับความคุ้มครองหรือความช่วยเหลือจากองค์กรหรือหน่วยงานอื่นของสหประชาชาตินอกจากข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ

ข้อกำหนดแห่งอนุสัญญาฉบับนี้จะไม่ใช้ต่อบุคคลซึ่งมีเหตุผลหนักแน่นในอันที่จะทำให้พิจารณาได้ว่า

(a) บุคคลนั้นได้ประกอบอาชญากรรมต่อสันติภาพ อาชญากรรมสงครามหรืออาชญากรรมต่อมนุษยชาติตามที่บัญญัติไว้ในกรรมสารระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมดังกล่าว

(b) บุคคลนั้นได้ประกอบอาชญากรรมร้ายแรงซึ่งมิใช่อาชญากรรมทางการเมืองนอกเขตรัฐที่ตนขออาศัยลี้ภัยก่อนที่รัฐนั้นจะยอมรับเข้าอาณาเขตในฐานะผู้ลี้ภัย

(c) บุคคลที่มีความผิดในการละเมิดวัตถุประสงค์และหลักการของสหประชาชาติ

อนุสัญญานี้เป็นทั้งเครื่องมือในการให้ความหมายทางสถานะและสิทธิของผู้ลี้ภัยตามอนุสัญญาฯ และหลักกฎหมายสำคัญหลายประการเช่นหลักการที่ว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานได้โดยปราศจากการถูกเลือกปฏิบัติ รัฐภาคีต้องไม่กำหนดโทษตามกฎหมาย ด้วยเหตุการเข้าเมืองผิดกฎหมาย หรือการพำนักอยู่อย่างผิดกฎหมายต่อผู้ลี้ภัยตามนิยามของอนุสัญญา รวมไปถึงการห้ามมิให้ขับไล่หรือส่งกลับ

โดยผู้ลี้ภัยทุกคนมีหน้าที่ต่อรัฐที่ตนเข้ามาอยู่ในอาณาเขต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้าที่ในการปฏิบัติตนตามกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ รวมถึงมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน