การหาทางออกให้กับการออกจากโรงเรียนกลางคัน เพื่ออนาคตที่มั่นคงและดีขึ้นของเด็กผู้ลี้ภัยในประเทศไทย
สองปีของการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างมากในหลายด้านต่อชีวิตผู้คนทั่วโลก นอกจากวิกฤตฉุกเฉินด้านสาธารณสุขแล้ว ข้อจำกัดต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องมาจากการแพร่ระบาดทำให้เกิดวิกฤตทางการศึกษาครั้งใหญ่ที่ยังคงส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าการจำกัดพื้นที่ได้ถูกยกเลิก และการดำเนินชีวิตกลับสู่ “ปกติ” แล้วก็ตาม
วิกฤติครั้งนี้ยังทำให้ความไม่เท่าเทียมทางการศึกษาทวีความรุนแรงขึ้น เด็กๆ ผู้ลี้ภัยทั่วโลกที่ต้องเผชิญการเรียนที่หยุดชะงักจากการพลัดถิ่นแล้ว ยังต้องทุกข์ทรมานกับการศึกษาที่ถดถอยลงไปด้วย นอกเหนือจากอุปสรรคด้านภาษา นี่เป็นความท้าทายที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และพันธมิตรให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ ของการทำงานในประเทศไทยในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่นี้
UNHCR ดำเนินโครงการมอบเงินช่วยเหลือที่ครอบคลุมค่าบริการการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต เพื่อให้แน่ใจว่าเด็ก ๆ ผู้ลี้ภัยที่ได้รับการลงทะเบียนแล้วสามารถเข้าถึงการศึกษาทางไกลได้ แต่อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดครั้งใหญ่นี้ ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่และสุขภาพจิตของเด็ก ๆ ด้วยเช่นกัน นอกเหนือจากการเรียน หลายโรงเรียนได้จัดพื้นที่มอบความช่วยเหลือด้านการฟื้นฟูอารมณ์และสังคมโดยคุณครูและเพื่อนร่วมชั้นเรียน
“หนูคิดถึงการไปโรงเรียน” ไอชา อายุ 9 ขวบ ที่พักพิงอยู่ในกรุงเทพฯ กล่าว “หนูคิดถึงตอนที่มีเพื่อน ๆ และการได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ ๆ”
ไอชา เดินทางมาจากประเทศปากีสถานพร้อมกับครอบครัวเมื่อ 6 ปีก่อน ตามนโยบาย “การศึกษาเพื่อปวงชน” ของประเทศไทย ไอชา มีสิทธิได้เข้าเรียนในโรงเรียนโดยไม่จำกัดสัญชาติและสถานะทางกฎหมาย ทำให้เด็ก ๆ ผู้ลี้ภัยในเขตเมือง เช่น ไอชา ได้รับประโยชน์จากการศึกษาโดยไม่มีค่าใช้จ่ายจนถึงอายุ 15 ปี
ไม่ต่างจากเด็กคนอื่น ๆ ที่เรียนภาษาที่สอง ไอชา ต้องเผชิญความท้าทายในการอ่านและเขียนภาษาไทยในช่วงเริ่มต้น อามิรา คุณแม่ของไอชาลงทะเบียนให้เธอเข้าเรียนหลักสูตรภาษาไทยแบบเร่งรัดที่จัดโดย UNHCR และ โรงเรียนภคินีศรีชุมพาบาล เป็นเวลา 6 เดือน
“หนูเรียนภาษาไทย วัฒนธรรม และภาษาอังกฤษ” ไอชา เล่าให้ฟัง “หนูเรียนวิธีการนับเลขและคำศัพท์ง่าย ๆ เช่น ผัก ผลไม้ และสีต่าง ๆ ในภาษาไทย ที่สำคัญไปกว่านั้น หนูได้เรียนพยัญชนะภาษาไทยจากหลักสูตรนี้ ตอนนี้หนูสามารถช่วยมาลิก น้องชายคนเล็กทำการบ้านภาษาไทยได้แล้วค่ะ”
“หนูคิดถึงการไปโรงเรียน”
ใน พ.ศ. 2564 UNHCR สังเกตว่าความจำเป็นของการเรียนออนไลน์เนื่องจากการระบาดครั้งใหญ่นี้ ส่งผลต่อการเข้าเรียนของนักเรียน เด็กเล็กๆ ส่วนใหญ่ไม่มีสมาธิในการเรียนด้วยตัวเอง หากไม่มีผู้ปกครองหรือผู้ดูแล UNHCR ได้ขยายหลักสูตรภาษาไทยแบบเร่งรัด เพื่อให้ผู้ใหญ่สามารถช่วยเด็ก ๆ ทำการบ้านได้ หลักสูตรภาษาไทยนี้ได้ช่วยให้เด็กๆ ผู้ลี้ภัยปรับตัวเข้ากับระบบการศึกษาของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีอัตราความสำเร็จถึงร้อยละ 70
UNHCR ประมาณการณ์ว่า ร้อยละ 48 ของเด็กผู้ลี้ภัยทั่วโลกยังไม่ได้เข้าโรงเรียน ในประเทศไทยแม้ว่าจะมีการปิดโรงเรียนและมีปรับใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เข้มงวดขึ้นใน พ.ศ. 2564 แต่ UNHCR สามารถลงทะเบียนให้เด็กผู้ลี้ภัยเข้ารับการศึกษาในระบบได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10 ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นได้ด้วยกลยุทธ์การกำหนดเป้าหมายเพื่อสนับสนุนช่วงเปลี่ยนผ่านของเด็กผู้ลี้ภัยเข้าสู่การศึกษาในระบบของประเทศไทย และการลดความเสี่ยงของการออกจากโรงเรียนกลางคันในช่วงการเรียนออนไลน์
“ใน พ.ศ. 2564 UNHCR ได้ช่วยให้เด็กอายุ 6 – 17 ปี ได้รับการศึกษาในโรงเรียนรัฐบาลในประเทศไทยถึงร้อยละ 55” ยอดธัช พรรณสวัสดิ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายโครงการอาวุโส UNHCR ประจำประเทศไทย อธิบาย
“แต่อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนการเข้ารับการศึกษาของเด็ก ๆ ในระบบการศึกษานี้ยังคงมีความท้าทาย จากการพูดคุยกับผู้ปกครอง อุปสรรคด้านภาษามักเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่พวกเขาพูดถึงในการไม่ส่งเด็ก ๆ เข้าเรียนในโรงเรียนรัฐบาลของประเทศไทย เนื่องจากเกือบทุกโรงเรียนกำหนดให้เด็ก ๆ ต้องสามารถพูดและเขียนภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว ชั้นเรียนภาษาไทยที่โรงเรียนภคินีศรีชุมพาบาล ที่ได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนจาก UNHCR และดำเนินการโดยโคเออร์ ช่วยเสริมทักษะต่าง ๆ ที่จำเป็นให้แก่เด็ก ๆ เพื่อการปรับตัวให้เข้ากับโรงเรียนรัฐบาลของประเทศไทย และได้รับความสนใจจากผู้ปกครองหลายท่าน
“ฉันมั่นใจว่าหากเขาสามารถแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ เขาจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้กับโลกใบนี้”
การก้าวข้ามอุปสรรคด้านภาษาไม่ใช่เพียงความท้าทายเดียว สำหรับเด็กผู้ลี้ภัยบางคน รวมถึงเด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย พวกเขายังต้องการการสนับสนุนที่มากกว่านี้
มาลิก น้องชายของไอชา มีความบกพร่องทางการได้ยิน เขาไม่สามารถพูดได้จนเมื่อปีที่ผ่านมา ด้วยการสนับสนุนจาก UNHCR มาลิกถูกส่งตัวไปยังมูลนิธิฉือจี้ ที่ได้มอบบริการผู้ป่วยนอกแก่ผู้ลี้ภัยในเขตเมือง ที่นั่นเขาได้รับเครื่องช่วยฟัง และในที่สุด หลังจากผ่านมา 6 ปี คุณแม่ของมาลิก ได้ยินลูกของเธอเรียก “แม่” เป็นครั้งแรก
“ฉันไม่สามารถหาคำพูดใดมาบรรยายความรู้สึกยินดีตอนที่ฉันสามารถคุยกับเขาเป็นครั้งแรกได้เลย” เธอพูดพร้อมน้ำตาแห่งความยินดี “การสนับสนุนทางการแพทย์เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น มาลิกยังต้องการการดูแลและการสนับสนุนเพิ่มในด้านการเรียน”
ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2565 โรงเรียนรัฐบาลหลายแห่งในประเทศไทย ได้กลับมาเปิดสอนในชั้นเรียนอีกครั้ง UNHCR สนับสนุนการกลับไปเรียนด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางแก่ครอบครัวผู้ลี้ภัย แต่อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่นี้จำเป็นต้องให้เด็ก ๆ ได้ปรับตัวเข้ากับ “ชีวิตวิถีใหม่’ อีกครั้ง
“งานของเราไม่ได้หยุดลงหลังจากเด็ก ๆ ได้เข้าเรียนและสามารถเรียนในระบบได้ครบ 1 ปีเท่านั้น” ยอดธัช อธิบาย “ขอบเขตการทำงานของเรามุ่งไปที่การรักษาอัตราการเข้าเรียนของเด็กๆ ให้ถึงระดับมัธยมศึกษา ใน พ.ศ. 2565 ทีมของเราจะคอยเฝ้าสังเกตการณ์และเข้าถึงความต้องการทางการศึกษาของเด็ก ๆ อยู่เสมอในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หากมีงบประมาณที่เพียงพอ เราจะจัดการสอนเสริมรายสัปดาห์สำหรับเด็ก ๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม”
แม้จะใช้เครื่องช่วยฟังเพียงอย่างเดียวมาเป็นเวลา 1 ปี และไม่เคยไปโรงเรียนด้วยการใส่เครื่องช่วยฟังเลย คุณแม่ของมาลิกยังมีความหวังต่ออนาคตของเขา มาลิกเช่นเดียวกับไอชา ได้กลับไปเรียนในโรงเรียนแล้ว
“มาลิก ไม่ได้ต้องการให้ช่วยเหลือตลอดเวลา แต่ความเอาใจใส่และความละเอียดอ่อนระหว่างการสอนจะช่วยพัฒนาความสามารถและทักษะของเขาได้อย่างแน่นอน เขาเป็นเด็กที่มีจิตใจเมตตา” อามิรา สังเกต “ฉันมั่นใจว่าหากเขาสามารถแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ เขาจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้กับโลกใบนี้”
Page 9 of 17
-
ผู้รอดชีวิตจากสงครามโลกครั้งที่สอง ถูกบังคับให้หนีออกจากบ้านอีกครั้ง ขณะที่สงครามกำลังทำลายประเทศของเธอ
17 พ.ค. 2022ความช่วยเหลือถูกส่งมอบไปยังศูนย์แรกรับที่ให้ที่พักพิงของครอบครัวของลุดมีลา และอีกหลายศูนย์ฯ ในยูเครนแล้ว ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ต้องขอขอบคุณการสนับสนุนจากกองทุนกลางเพื่อให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉินของสหประชาชาติ (CERF)
-
UNHCR ชื่นชมฟิลิปปินส์ที่เข้าร่วมเป็นภาคีของอนุสัญญา 1961 ว่าด้วยภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ
28 มี.ค. 202225 มีนาคม 2565 นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของประวัติศาสตร์ […]
-
หอพักนักศึกษาทางตะวันตกของยูเครนมอบที่พักพิงให้กับครอบครัวที่กำลังหนี
12 มี.ค. 2022เกือบ 2 ล้านคน ถูกบังคับให้พลัดถิ่นอยู่ในประเทศยูเครน UNHCR และพันธมิตรกำลังตอบสนองต่อความต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมด้วยที่พักพิง และความช่วยเหลือในรูปแบบอื่น ๆ
-
แองเจลิน่า โจลี ผู้แทนพิเศษข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เดินทางมาถึงเยเมนเพื่อพบกับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง
8 มี.ค. 2022แองเจลิน่า โจลี ผู้แทนพิเศษข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่ […]
-
คุณแม่จากกรุงเคียฟแสวงหาความปลอดภัยในโปแลนด์หลังต้องใช้เวลาหลายวันบนถนน
4 มี.ค. 2022หลังจากการเดินทางโดยรถยนต์อย่างทรหดตลอด 3 วัน โอลกา และลูก ๆ เป็นหนึ่งในผู้คนหลายแสนคนที่ต้องหนีออกจากยูเครน เพื่อแสวงหาความปลอดภัยในประเทศเพื่อนบ้านในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
-
ผู้ลี้ภัย 1 ล้านคน หนีออกจากยูเครนภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์
3 มี.ค. 2022แถลงการณ์จากนายฟิลลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ
-
แถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน โดยนายฟิลลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ
25 ก.พ. 2022เรากังวลอย่างมากเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เลวร้ายลงอย่า […]
-
ความช่วยเหลือนี้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับผู้ลี้ภัยได้อย่างไร
21 ก.พ. 2022หากไม่ได้รับความช่วยเหลือด้านการเงินจาก UNHCR ทาฮานิ ต้องเผชิญกับอนาคตที่ไม่แน่นอน
-
เพื่อบรรเทาความวิตกกังวลต่างๆ อาสาสมัครผู้ลี้ภัยร่วมทีมฉีดวัคซีนให้ผู้ลี้ภัยในประเทศไทย
16 ก.พ. 2022การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับผู้ลี้ภัยในประเทศไทยยังคงดำเนินต่อไป ขอบคุณความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ พันธมิตรและผู้ลี้ภัยเองด้วย
-
ประเทศจอร์แดนออกใบอนุญาตทำงานให้กับผู้ลี้ภัยชาวซีเรียจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์
8 ก.พ. 2022จอร์แดนเป็นประเทศด่านหน้าของความพยายามระดับโลกให้ผู้ลี้ภัยและชุมชนที่ให้ที่พักพิงเข้าถึงโอกาสในการทำงาน