UNHCR ชื่นชมคำมั่นของประเทศเซาตูเมและปรินซิปีที่จะขจัดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ
UNHCR แสดงความชื่นชมต่อรัฐบาลและประชาชนของประเทศเซาตูเมและปรินซิปี (São Tomé and Principe) ที่แสดงความมุ่งมั่นที่จะขจัดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติโดยการภาคยานุวัติเป็นรัฐภาคีของทั้งสองอนุสัญญาว่าด้วยภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ
เมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา ประเทศเซาตูเมและปรินซิปีได้ให้การรับรองต่ออนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยว่าด้วยสถานะของบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติ 1954 และอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการลดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ 1961 ก้าวที่สำคัญนี้ทำให้ประเทศเซาตูเมและปรินซิปีเป็นรัฐภาคีลำดับที่ 98 และ 80 ของอนุสัญญาทั้งสองฉบับตามลำดับ ซึ่งแสดงถึงเจตนารมณ์ที่จะจัดการสาเหตุของภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ และยังร่วมกับนานาประเทศในการขจัดปัญหานี้ให้หมดไป
นายอับดูราอูฟ ยนอน คอนเด ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคแอฟริกากลางและตะวันตกของ UNHCR กล่าวว่า “การที่ประเทศเซาตูเมและปรินซิปีได้ให้การรับรองอนุสัญญาว่าด้วยภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติทั้งสองฉบับนี้เป็นสิ่งที่น่ายกย่อง เพราะสะท้อนให้เห็นถึงความเสียสละที่จะป้องกันและแก้ไขปัญหาไร้รัฐไร้สัญชาตินี้ รวมทั้งการรับรองสิทธิและศักดิ์ศรีของคนไร้รัฐไร้สัญชาติ การดำเนินการที่สำคัญเช่นนี้ช่วยหนุนเสริมความพยายามของประชาคมระหว่างประเทศที่จะแก้ไขภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ”
พัฒนาการที่สำคัญนี้สอดคล้องกับโครงการ #IBelong ของ UNHCR ที่เดินหน้าขจัดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ และยังสอดคล้องไปกับการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็น พันธมิตรสากลเพื่อขจัดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ (Global Alliance to End Statelessness) อีกด้วย
บุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติต่างเผชิญอุปสรรคในการเข้าถึงสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน เช่น การศึกษา การรักษาพยาบาล การสมรส และโอกาสในการจ้างงาน จากรายงานของ UNHCR พบว่าคนไร้รัฐไร้สัญชาติหรือคนที่ยังไม่ได้รับการกำหนดสัญชาติมีจำนวนกว่า 4.4 ล้านคน ใน 95 ประเทศ โดยมีการคาดการณ์ว่าจำนวนที่มีอยู่จริงทั่วโลกนั้นยังสูงกว่าจำนวนที่มีการรายงานนี้อีก เนื่องจากคนไร้รัฐไร้สัญชาติมักจะไม่ถูกนับรวมเข้าไปในข้อมูลประชากรแห่งชาติ
แม้ว่าจำนวนของคนไร้รัฐไร้สัญชาติของประเทศเซาตูเมและปรินซิปีจะยังไม่ถูกเปิดเผย รวมทั้งการหาสาเหตุและปัญหาอุปสรรคที่คนไร้รัฐไร้สัญชาติกำลังเผชิญจากการเข้าถึงสิทธิและบริการ แต่การรับรองอนุสัญญาว่าด้วยภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติทั้งสองฉบับนี้จะเป็นพื้นฐานในการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหานี้
นายโอลิเวียร์ กิโยม เบียร์ ผู้แทนข้าหลวงใหญ่ UNHCR ประจำประเทศเซาตูเมและปรินซิปี กล่าวว่า “การรับรองอนุสัญญาของประเทศเซาตูเมและปรินซิปีเป็นแนวทางในการกำหนดกรอบกฎหมายเพื่อรับรองสิทธิในการมีสัญชาติของทุกคน ซึ่งสอดคล้องกับการให้คำมั่นที่จะสนับสนุนการมีสิทธิของผู้ลี้ภัย คนไร้รัฐไร้สัญชาติและผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ ที่ได้ประกาศไว้ ณ การประชุมผู้ลี้ภัยโลก เมื่อเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา”
UNHCR พร้อมที่จะสนับสนุนประเทศเซาตูเมและปรินซิปีในการเปลี่ยนคำมั่นนี้ไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมในการป้องกันและแก้ไขภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ สร้างสังคมแห่งการมีส่วนร่วม ที่จะส่งผลต่อการมีชีวิตที่ดีขึ้นของคนไร้รัฐไร้สัญชาติ
ข้อมูลเพิ่มเติม
นิยามตามกรอบกฎหมายระหว่างประเทศของคำว่า คนไร้รัฐไร้สัญชาติ คือ ผู้ที่ไม่ได้รับการรับรองว่าเป็นพลเมืองของรัฐใดๆ ตามกฎหมายแห่งรัฐนั้นๆ คนไร้รัฐไร้สัญชาติอาจไม่มีสัญชาติติดตัวมาตั้งแต่เกิด หรือกลายเป็นคนไร้รัฐไร้สัญชาติในภายหลัง ผลกระทบของภาวะไร้รัฐไร้สัญชาตินั้นกระทบต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ รวมถึงการเข้าถึงการศึกษา การรักษาพยาบาล การสมรส และโอกาสในการจ้างงานโครงการ #IBelong ของ UNHCR ดำเนินการเพื่อขจัดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ โดยปฏิบัติการตามแผนปฏิบัติการสากลเพื่อขจัดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ (Global Action Plan to End Statelessness) ซึ่งเป็นกรอบการทำงาน 10 แผนที่ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เนื่องจากโครงการ #IBelong จะสิ้นสุดในปลายปีนี้ UNHCR จึงได้จัดตั้ง พันธมิตรสากลเพื่อขจัดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ (Global Alliance to End Statelessness) ขึ้น เพื่อนำทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล องค์กรภายใต้สหประชาชาติ องค์กรภาคประชาสังคมทั้งในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ รวมทั้งองค์กรที่นำโดยคนไร้รัฐไร้สัญชาติเอง ได้มาทำงานร่วมกันเพื่อขจัดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาต
ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
พิมพ์ชนก นัยนานนท์ email: [email protected], 084-6829688
Page 6 of 16
-
UNHCR ชื่นชมไลบีเรียที่ยกเลิกการเลือกปฏิบัติทางเพศในกฎหมายสัญชาติ
24 ส.ค. 202211 สิงหาคม 2565 พัฒนาการที่สำคัญในการป้องกันการเกิ […]
-
UNHCR เปิดตัว “กองทุนภาวะฉุกเฉินเพื่อผู้ลี้ภัย” ในประเทศไทยเพื่อสนับสนุนการตอบสนองการทำงานด้านมนุษยธรรมในสถานการณ์ฉุกเฉินระดับโลก
19 ส.ค. 2022UNHCR เปิดตัว “กองทุนภาวะฉุกเฉินเพื่อผู้ลี้ภัย” ใน […]
-
UNHCR เสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียของชีวิต และความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวในอัฟกานิสถาน
23 มิ.ย. 2022กรุงเจนีวา – สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่ […]
-
UNHCR: การพลัดถิ่นทั่วโลกทำลายสถิติอีกครั้ง ชี้ชัดแนวโน้มที่พุ่งสูงขึ้นตลอดทศวรรษที่ผ่านมา
16 มิ.ย. 2022แม้จะมีสัญญาณของความคืบหน้า แต่ความเร็วและจำนวนของผู้คนที่ถูกบังคับให้พลัดถิ่นกำลังล้ำหน้าการหาทางออกเพื่อผู้ลี้ภัย
-
UNHCR เปิดงาน “เทศกาลภาพยนตร์ผู้ลี้ภัย ครั้งที่ 11” เนื่องในวันผู้ลี้ภัยโลก ท่ามกลางวิกฤติผู้ลี้ภัยที่สูงเป็นประวัติการณ์
7 มิ.ย. 2022ปัจจุบันจำนวนผู้คนที่ถูกบังคับให้หนีจากความขัดแย้ง […]
-
UNHCR มีความยินดีต่อการร่วมสนับสนุนด้านมนุษยธรรมของกลุ่มบริษัทโซนี่ ในประเทศไทย แก่ผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นในสถานการณ์ฉุกเฉินยูเครน
25 พ.ค. 2022วิกฤตด้านมนุษยธรรมในประเทศยูเครนยังคงขยายตัวอย่างต […]
-
UNHCR: สถานการณ์ยูเครนและความขัดแย้งอื่นๆ ทำให้ยอดผู้คนที่ถูกบังคับให้พลัดถิ่นพุ่งสูงกว่า 100 ล้านคนเป็นครั้งแรก
23 พ.ค. 2022สถิตินี้ถือเป็น “เสียงเรียกปลุกให้ตื่น” กระตุ้นให้เกิดการลงมือทำที่มากขึ้นเพื่อส่งเสริมสันติภาพและบ่งชี้สาเหตุทั้งหมดที่ทำให้เกิดการถูกบังคับให้พลัดถิ่น นายฟิลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ กล่าว
-
UNHCR ชื่นชมฟิลิปปินส์ที่เข้าร่วมเป็นภาคีของอนุสัญญา 1961 ว่าด้วยภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ
28 มี.ค. 202225 มีนาคม 2565 นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของประวัติศาสตร์ […]
-
แองเจลิน่า โจลี ผู้แทนพิเศษข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เดินทางมาถึงเยเมนเพื่อพบกับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง
8 มี.ค. 2022แองเจลิน่า โจลี ผู้แทนพิเศษข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่ […]
-
ผู้ลี้ภัย 1 ล้านคน หนีออกจากยูเครนภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์
3 มี.ค. 2022แถลงการณ์จากนายฟิลลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ