เมื่อเกิดการต่อสู้ขึ้นในเมืองคาทุม เมืองหลวงของประเทศซูดาน ขณะนั้นอาราฟา วัย 25 ปี อยู่ที่บ้านกับลูกทั้งสองคน ขณะที่ตื่นตระหนกกับเสียงปืนและเครื่องบินรบ เธอพยายามโทรหาสามีแต่ไม่สามารถติดต่อได้
“ฉันใช้เวลาทั้งคืนด้วยความกลัวออกจากบ้านไม่ได้ เพราะข้างนอกมีคนเสียชีวิตเต็มไปหมด วันต่อมาฉันตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนของสามี เขาบอกว่าสามีของฉันถูกยิงและเสียชีวิตแล้ว” อาราฟา เล่าด้วยความเศร้าโศก
เมื่อสามีจากไป และเธอไม่รู้ว่าจะต้องปกป้องลูกชายวัย 5 ขวบ และลูกสาววัย 3 ขวบ ของเธออย่างไรเพื่อให้พวกเขามีชีวิตที่ปลอดภัยท่ามกลางเหตุการณ์การปะทะกันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เธอตัดสินใจออกจากเมืองคาทุม เธออุ้มลูกและเดินทางโดยรถบัสเพื่อไปยังเมืองมาดานี ทางตะวันออกเฉียงใต้ ไปยังฝั่งตะวันตกของแม่น้ำบลูไนล์ เป็นระยะทางกว่า 135 กิโลเมตร
“ฉันไม่คิดเลยว่าพวกเราจะผ่านมันมาได้”
เมื่อเธอเดินทางไปถึงที่นั่นเธอได้พบกับชายคนหนึ่งในพื้นที่ที่อาสามาช่วยเธอและลูกๆ ออกจากประเทศ พวกเขานังรถไปยังยังท่าเรือซูดาน ซึ่งเป็นเมืองท่าหลักทางตะวันออกของประเทศพร้อมกับคนอื่นๆ อีก 5 คน จากนั้นพวกเขาต้องเดินเท้าต่อตลอดทั้งวันก่อนที่จะเดินทางปทางเหนือตามชายฝั่งไปยังชายแดนของประเทศอียิปต์
“ฉันหวาดกลัว เหนื่อยล้า และสิ้นหวัง ถนนหนทางยากลำบาก และเสียงปืนที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องยังดังก้อง ฉันไม่คิดเลยว่าจะผ่านมันมาได้” อาราฟา เล่า “ฉันใช้เวลา 80 ชั่วโมง โดยไม่มีอาหารหรือน้ำ พร้อมกับอุ้มลูกๆ ไว้ในอ้อมแขน กลัวสงคราม เส้นทางการลี้ภัยหนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล”
หลังจากข้ามจุดผ่านแดน ในที่สุดพวกเขาเดินทางมาถึงเมืองไคโร ลงรถในจัตุรัสในเมืองซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกเขาไม่รู้จักและไม่คุ้นเคย พวกเขาไม่มีที่ไป อาราฟาและลูก ๆ ต้องนอนบนถนนตลอดทั้งคืน “ตอนเช้ามีผู้หญิงชาวซูดานใต้คนหนึ่งผ่านมาทางจัตุรัส เธอพบฉันและแนะนำให้ฉันเดินทางไปที่สำนักงานของ UNHCR เพื่อไปลงทะเบียน” เธอเล่า
อาราฟาและลูกๆ ของเธอเป็นหนึ่งใน 42,300 คน ที่รัฐบาลอียิปต์รายงานว่าได้เดินทางข้ามมาจากประเทศซูดานตั้งแต่เกิดเหตุปะทะ โดยในจำนวนนี้กว่า 40,000 คน เป็นชาวซูดาน
ในประเทศอียิปต์ UNHCR เป็นผู้นำในการประสานงานระหว่างหน่วยงานของสหประชาชาติโดยร่วมมือกับรัฐบาลในการสนับสนุนผู้ที่ต้องการความคุ้มครองระหว่างประเทศในการข้ามพรมแดนสหประชาชาติ และพันธมิตรเร่งมอบความช่วยเหลือให้ผู้ที่เดินทางมาถึงด้วยการมอบน้ำ อาหาร ชุดสุขอนามัย รถเข็น และมอบการรักษาพยาบาล
ประเทศอียิปต์เป็นประเทศที่ให้ที่พักพิงแก่ผู้ลี้ภัยจำนวนมากไม่ต่างจากประเทศเพื่อนบ้านของซูดานหลายประเทศ ทำให้การดำเนินการของ UNHCR มีงบประมาณไม่เพียงพอในการช่วยเหลือสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขนในหลายประเทศ และการสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นสำคัญอย่างมากในการมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ที่ถูกบังคับให้พลัดถิ่น
“ฉันสูญเสียบ้าน สามี และประเทศไปภายในพริบตา”
ครอบครัวชาวซูดานหลายครอบครัวที่เดินทางไปถึงไคโรได้รับการติดต่อช่วยเหลือจาก UNHCR รวมถึง อาราฟาและลูกๆ ของเธอด้วย พวกเขาได้รับการลงทะเบียนเพื่อรับความช่วยเหลือจากหน่วยงาน เธอพักพิงอยู่กับผู้หญิงชาวซูดานใต้ที่เธอพบที่จัตุรัส ถึงแม้เธอจะสามารถหนีมายังที่ปลอดภัยได้ แต่เธอก็ยังรู้สึกว่าอนาคตของเธอห่างไกลจากความปลอดภัย
“ฉันไม่เชื่อว่าตอนนี้ฉันมาอยู่ที่อียิปต์ ฉันยังรู้สึกกลัวกับทุกอย่าง” เธอเล่า “ฉันต้องการความช่วยเหลือ ฉันกลัวอนาคต ฉันสูญเสียบ้าน สามี และประเทศของฉันไปภายในพริบตา ฉันไม่อยากสูญเสียลูกของฉัน ฉันอยากให้พวกเขาปลอดภัย”
Share on Facebook Share on Twitter