วันนี้ (20 ธันวาคม) สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เน้นย้ำถึงความต้องการการคุ้มครองและความช่วยเหลือเร่งด่วนของผู้ลี้ภัยที่หนีภัยจากการต่อสู้รุนแรงในพื้นที่เลเก่ก่อและพื้นที่ใกล้เคียงของรัฐกะเหรี่ยง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาและผู้ที่เดินทางข้ามแดนมายังประเทศไทย UNHCR ร่วมกับพันธมิตรย้ำถึงความพร้อมของรัฐบาลไทยในการมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่จำเป็นและการสนับสนุนการมอบความคุ้มครองแก่ผู้ที่เดินทางมาถึงใหม่
ข้อมูลจากรัฐบาลไทยระบุว่าผู้มีสัญชาติเมียนมาราว 3,900 คน หนีข้ามชายแดนเข้ามานับตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม ซึ่งปัจจุบันพวกเขาพักพิงอยู่ในหลายพื้นที่ในอำเภอแม่สอด โดยมีรายงานว่าผู้ที่หนีจากเมียนมาบางส่วนได้เดินทางกลับไปแล้วในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
การต่อสู้และการยิงปะทะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วเมียนมา รวมถึงในหลายพื้นที่ที่ผู้ลี้ภัยที่เดินทางมาถึงใหม่หนีออกมา UNHCR กังวลต่อสวัสดิภาพของพลเรือนเหล่านี้และได้เสนอความช่วยเหลือซึ่งรวมถึงการจัดหาสิ่งของบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินไปยังทางการไทยแล้ว นอกจากนี้เพื่อสนับสนุนการทำงานในการการตอบสนองด้านมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง UNHCR และองค์กรพัฒนาเอกชนได้ขอให้ได้รับการเข้าถึงผู้ลี้ภัยเพื่อประเมินความต้องการและส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและมอบความคุ้มครองแก่พวกเขาอย่างเร่งด่วน
ประเทศไทยมีประสบการณ์มอบความคุ้มครองระหว่างประเทศและให้ความช่วยเหลือผู้หนีภัยที่เข้ามาแสวงหาความปลอดภัยรวมถึงผู้ที่มาจากเมียนมา ยาวนานหลายทศวรรษ UNHCR เน้นย้ำว่าเรายังคงมีความยินดีต่อคำมั่นของนายกรัฐมนตรีไทยที่ให้ไว้ในการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือต่อสถานการณ์การลี้ภัยที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงคำมั่นที่จะไม่ผลักดันพวกเขากลับ
UNHCR ยังคงสนับสนุนการปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศที่บุคคลที่แสวงหาความคุ้มครองระหว่างประเทศและหนีจากความขัดแย้ง ความรุนแรง หรือการประหัตประหารได้รับอนุญาตให้ข้ามแดนเพื่อแสวงหาความปลอดภัยและจะต้องไม่ถูกผลักดันกลับไปยังพื้นที่ที่ชีวิตและเสรีภาพของพวกเขาจะตกอยู่ในอันตราย
Share on Facebook Share on Twitter