UNHCR ยกระดับเข้ามอบที่พักพิงชั่วคราวแก่ผู้ขอลี้ภัยในโมรีอา เรียกร้องทางออกในระยะยาวเพื่อลดความหนาแน่นบนหมู่เกาะกรีซ

สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เร่งยกระดับการรับมืออย่างเร่งด่วนและทันท่วงทีต่อความต้องการของผู้ขอลี้ภัยราว 11,000 คน ที่ขาดที่พักพิงบนเกาะเลสบอสของประเทศกรีซ หลังเหตุเพลิงไหม้ที่ศูนย์ลงทะเบียนและเอกลักษณ์บุคคลโมรีอา หรือ RIC เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

การจัดการและประสานงานโดยรวมด้านมนุษยธรรมอยู่ในหน้าที่รับผิดชอบของหน่วยงานในประเทศกรีซ ซึ่งในขณะนี้ได้ระบุสถานที่บนเกาะเลสบอส บริเวณเขตชนบท Kara Tepe ใกล้เมืองหลวงมีตีลินี เพื่อให้ที่พักพิงชั่วคราวแก่เด็ก ผู้ชาย และผู้หญิงที่มีความเปราะบางที่ไร้ที่พักพิงจากเหตุเพลิงไหม้เมื่อคืนวันอังคารสัปดาห์ก่อน

ตามคำร้องของรัฐบาลและเพื่อตอบรับความต้องการในการรับมือฉุกเฉินด้านมนุษยธรรม UNHCR ได้ช่วยจัดตั้งสถานที่กางเต็นท์พักพิงชั่วคราวเพื่อมอบความคุ้มครองแก่ผู้ที่ตกอยู่ในความเสี่ยงสูงและให้คำแนะนำเฉพาะทาง พร้อมแบ่งปันประสบการณ์การทำงานในการจัดสรรพื้นที่และวางแผนงาน

การจัดสรรพื้นที่และลงพื้นที่ทำงานนั้นได้ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ รวมถึงการปูพื้นลูกรัง จากข้อมูลล่าสุดเมื่อวานนี้ (14 กันยายน) UNHCR ได้จัดหาเต็นท์ขนาดครอบครัว 600 หลังเพื่อเป็นที่พักอาศัยให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบ 700 คน และได้มอบห้องน้ำเคมีและจุดล้างมือ นอกจากนี้ยังพร้อมสมทบน้ำสะอาดและการสนับสนุนด้านสุขอนามัยและสาธารณสุขเมื่อมีความต้องการด้วยเช่นกัน

เพื่อป้องกันและบรรเทาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผู้ขอลี้ภัยต้องผ่านการตรวจคัดกรองเบื้องต้นเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสและภูมิคุ้มกันจากหน่วยงานสาธารณสุขของประเทศก่อนเข้าพื้นที่แห่งใหม่นี้ UNHCR ยังร่วมสนับสนุนหน่วยงานสาธารณสุขของประเทศในการจัดตั้งพื้นที่ทางการแพทย์ในพื้นที่พักพิงใหม่นี้ตามมาตรการขององค์การอนามัยโลก โดยมอบเต็นท์ 3 หลัง อุปกรณ์จัดตั้งเต็นท์ฉุกเฉินขนาดใหญ่ และรั้วกั้นส่วนพื้นที่คัดแยก

ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพบกกรีซได้แจกจ่ายอาหารและน้ำสะอาดแก่ผู้ขอลี้ภัย รวมถึงในพื้นที่พักพิงใหม่ เพื่อสนับสนุนการแจกจ่ายนี้ UNHCR ช่วยขนส่งชุดอาหารแห้ง 6,000 ชุดไปยังเกาะเลสบอส ตามคำขอของหน่วยงานในประเทศและการสนับสนุนที่ได้รับจากคณะกรรมาธิการยุโรป UNHCR มอบเงินสมทบฉุกเฉินในเดือนนี้เพิ่มอีกร้อยละ 50 จากจำนวนช่วยเหลือปกติในแต่ละเดือนแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบเพื่อนำไปใช้จ่ายตามความต้องการที่เร่งด่วนของแต่ละบุคคล

ด้วยความร่วมมือขององค์กรพันธมิตรต่างๆ เราได้แจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์ ประกอบด้วยผ้าห่ม ถุงนอน ผ้าปู ผ้าพลาสติกอเนกประสงค์ กระป๋องน้ำมัน และอุปกรณ์ด้านสุขอนามัยเพื่อใช้ยังชีพแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ 12,000 คน ทีม UNHCR และพันธมิตรด้านมนุษยธรรมในประเทศยังคงพยายามระบุตัวตนและช่วยผู้ขอลี้ภัยกลุ่มเปราะบาง รวมถึงครอบครัวที่มีเด็กเล็กและหญิงเดี่ยว พร้อมให้ข้อมูลพวกเขาเกี่ยวกับที่พักอาศัยในพื้นที่พักพิงชั่วคราวที่เปิดใหม่ มีผู้หญิงและผู้ที่รอดจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศราว 50 คนได้ถูกย้ายไปที่พักที่ปลอดภัยบนเกาะแล้ว

เมื่อผู้ขอลี้ภัยกลุ่มเปราะบางได้ทะยอยย้ายเข้าพื้นที่พักพิงชั่วคราวใหม่ การแยกบุคคลที่สมควรเดินทางต่อไปยังฝั่งแผ่นดินใหญ่ในทันทีเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อมอบความปลอดภัยและให้พวกเขาได้พักในที่พักอาศัยที่เหมาะสม

การสนับสนุนพื้นที่พักพิงใหม่เป็นมาตรการฉุกเฉินเพื่อมอบที่พักพิงชั่วคราวและมอบความคุ้มครองแก่ผู้ขอลี้ภัย ไม่เช่นนั้นพวกเขาต้องอาศัยในที่พักที่สร้างขึ้นเองหรือในพื้นที่เปิด ในทุ่ง สวนป่าหรือลานจอดรถเหมือนตลอด 7 คืนที่ผ่านมา UNHCR ยังกระตุ้นการหาทางออกในระยะยาว การสนับสนุนจากสหภาพยุโรปและการร่วมแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ

ศูนย์แรกรับที่แออัดบนเกาะเลสบอสและเกาะเอเจียนอื่นๆ มีความจำเป็นต้องลดความหนาแน่นและปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่

คณะกรรมาธิการยุโรปได้ประกาศใช้ข้อตกลงด้านการอพยพและลี้ภัยใหม่ล่วงหน้าในวันที่ 23 กันยายนนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเหตุการณ์บนเกาะเลสบอสครั้งนี้ และความต้องการที่เร่งด่วนในการรับมือร่วมกันจากกลุ่มประเทศยุโรป

UNHCR เห็นว่าข้อตกลงด้านการอพยพและลี้ภัยใหม่นี้เป็นการเริ่มต้นของสหภาพยุโรปและประเทศสมาชิกที่จะปกป้องผู้ลี้ภัยและสร้างความมั่นใจในการจัดการระบบผู้ขอลี้ภัยร่วมของยุโรป (Common European Asylum System) ให้อยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรมและเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการการขอลี้ภัย การร่วมกันอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว และการแบ่งเบาหน้าที่ความรับผิดชอบระหว่างประเทศ และหวังว่าแต่ละประเทศจะใช้โอกาสนี้เป็นจุดเริ่มต้น

คุณเองสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตผู้ขอลี้ภัยที่ได้รับผลกระทบบนเกาะเลสบอสได้เช่นกันที่ www.unhcr.or.th/donate/moria-fire-emergency

#UNHCRThailand #WithRefugees #Greece