สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ประกาศในวันที่ 4 ตุลาคม 2565 ว่า ดร. อังเกลา แมร์เคล อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศเยอรมนีจะได้รับรางวัลผู้ลี้ภัยนานเซ็นของ UNHCR ประจำ พ.ศ. 2565
รางวัลนี้ได้ตั้งชื่อตามนักสำรวจ นักวิทยาศาสตร์ นักการทูต และนักมนุษยธรรมชาวนอร์เวย์ ฟริดท์ฮอฟ นานเซ็น ซึ่งในแต่ละปี ได้มอบให้กับบุคคล กลุ่ม หรือองค์กร ที่อุทิศตนทำหน้าที่ปกป้องผู้ลี้ภัย ผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ หรือบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติ
ภายใต้การนำของอดีตนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคล ประเทศเยอรมันได้ต้อนรับผู้ลี้ภัยและผู้ขอลี้ภัยมากกว่า 1.2 ล้านคนใน พ.ศ. 2558 และ 2559 ซึ่งเป็นวิกฤติสูงสุดของความขัดแย้งในประเทศซีเรียและท่ามกลางความรุนแรงที่อันตรายที่เกิดขึ้นในพื้นที่อื่นๆ
ในเวลานั้น อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “สถานการณ์นี้เป็นการทดสอบคุณค่าของชาวยุโรปอย่างไม่ค่อยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งไม่มากและไม่น้อยไปกว่าสิ่งที่ควรปฏิบัติในทางมนุษยธรรม” เธอเรียกร้องให้ชาวเยอรมันปฏิเสธการแบ่งแยกเชื้อชาติและกระตุ้นให้พวกเขาเชื่อมั่นในตนเองอย่างมีเสรีภาพ มีความเมตตา และเปิดใจกว้าง
นายฟิลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาติ ชมเชยความมุ่งมั่นของอดีตนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคล ในการมอบความคุ้มครองแก่ผู้ขอลี้ภัยและยืนหยัดเพื่อสิทธิมนุษยชน หลักมนุษยธรรม และกฎหมายระหว่างประเทศ “ในการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยมากกว่าล้านคนให้รอดชีวิตและสร้างชีวิตใหม่ได้ อังเกลา แมร์เคล ได้แสดงความกล้าหาญทั้งในด้านศีลธรรมและการเมืองอย่างยิ่งใหญ่” นายกรันดี กล่าว
“นี่คือความเป็นผู้นำอย่างแท้จริงเพื่อมวลมนุษยชาติที่ยืนหยัดต่อต้านผู้ที่สร้างความหวาดกลัวและการเลือกปฏิบัติ เธอแสดงให้เห็นว่านักการเมืองสามารถเลือกปฏิบัติในทางที่ถูกต้องและทำงานเพื่อหาทางออกให้กับความท้าทายของโลกได้มากกว่าการผลักความรับผิดชอบให้ผู้อื่น”
คณะกรรมการคัดเลือกกล่าวว่า พวกเขาเล็งเห็น “ความเป็นผู้นำ ความกล้าหาญ และความเมตตาของอดีตนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคล ในการทำงานเพื่อให้มั่นใจว่าการมอบความคุ้มครองนั้นครอบคลุมถึงผู้คนที่สิ้นหวังกว่าหลายแสนคน” และความพยายามของเธอในการหา “ทางออกระยะยาวในขอบข่ายที่ทำได้จริง” สำหรับผู้ที่แสวงหาความปลอดภัย
เช่นเดียวกับการปกป้องผู้ที่ถูกบังคับให้หนีจากสงคราม การประหัตประหาร และการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน อดีตนายกรัฐมนตรียังเป็นแรงขับเคลื่อนในความพยายามของประเทศเยอรมันจากหลายภาคส่วนเพื่อต้อนรับผู้ลี้ภัยและช่วยให้พวกเขาได้ผสมผสานกลมกลืนเข้ากับสังคมผ่านการศึกษาและโครงการฝึกอบรมต่างๆ แผนการจ้างงาน และการผสมผสานตลาดแรงงานที่ช่วยปกป้องผู้ลี้ภัยที่เปราะบางหลายหมื่นคน
นอกจากนั้นเธอยังมีบทบาทสำคัญในการทำงานเพื่อให้มั่นว่าการเติบโตของประเทศเยอรมันในฐานะพันธมิตรด้านมนุษยธรรมเกิดขึ้นอย่างแท้จริง เชื่อถือได้ และไม่หยุดนิ่ง รวมถึงการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยทั่วโลกด้วย ทั้งนโยบายและคำแถลงต่อสาธารณชนของเธอเป็นพลังบวกในการอภิปรายระดับยุโรปและทั่วโลกต่อหัวข้อการขอลี้ภัยและการจัดการวิกฤตการถูกบังคับให้พลัดถิ่น
คณะกรรมการคัดเลือกรางวัลผู้ลี้ภัยนานเซ็นของ UNHCR ยังได้ยกย่องผู้ชนะทั้ง 4 ท่านจากระดับภูมิภาค ประจำ พ.ศ. 2565 ดังนี้
รางวัลนี้จะมอบแก่อดีตนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคล ในวันที่ 10 ตุลาคม ในพิธีมอบรางวัลร่วมกับผู้ได้รับรางวัลในระดับภูมิภาค
ด้วยจำนวนผู้พลัดถิ่นทั่วโลกที่สูงเกิน 100 ล้านคนเป็นครั้งแรก กรันดี กล่าวว่า เป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนต้องยึดมั่นในความรู้สึกเมตตาปราณีต่อผู้ที่ถูกบังคับให้หนีออกจากบ้านของตน และประเทศต่างๆ จำเป็นต้องถือธรรมเนียมปฏิบัติโบราณในการมอบที่ลี้ภัย อย่างที่หลายประเทศได้ถือปฏิบัติเสมอมา รวมถึงประเทศที่มอบที่พักพิงมาอย่างยาวนาน อย่างโอบอ้อมอารี เช่น ทูร์เคีย ปากีสถาน ยูกันดา และอีกหลายประเทศ
ปีนี้ยังเป็นโอกาสครบรอบ 100 ปี ตั้งแต่ฟริดท์ฮอฟ นานเซ็น ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติคนแรกได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ พ.ศ. 2465 จากความพยายามของเขาในการส่งนักโทษสงครามกลับประเทศและปกป้องผู้ลี้ภัยหลายล้านคนที่ถูกบังคับให้พลัดถิ่นจากความขัดแย้ง การปฏิรูป และการล่มสลายของราชวงศ์โรมานอฟ จักรวรรดิออตโตมัน และจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี
อีกทั้งยังเป็นโอกาสครบรอบ 100 ปี ตั้งแต่มีการออกหนังสือเดินทางนานเซ็น ซึ่งเป็นเอกสารระบุตัวตนของผู้ลี้ภัย ที่หลายคนกลายเป็นบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติ ทำให้ผู้ถือเอกสารสามารถเดินทางข้ามชายแดนเพื่อหางานทำได้
คุณสามารถติดตามข้อมูลเกี่ยวกับรางวัลผู้ลี้ภัยนานเซ็นเพิ่มเติมได้ที่นี่
เกี่ยวกับรางวัลผู้ลี้ภัยนานเซ็น
รางวัลผู้ลี้ภัยนานเซ็นของ UNHCR ถูกจัดตั้งขึ้นในพ.ศ. 2497 เพื่อยกย่องเจตนารมย์ของฟริดท์ฮอฟ นานเซ็น นักวิทยาศาสตร์ นักสำรวจขั้วโลกชาวนอร์เวย์ และผู้ดำรงตำแหน่งข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติเป็นคนแรกขององค์การสันนิบาตชาติ ฟริดท์ฮอฟได้รับแต่งตั้งในตำแหน่งนี้เมื่อพ.ศ. 2464 เขาได้อุทิศตนในการหาทางออกแก่ผู้ลี้ภัยชาวรัสเซียและอาร์เมเนียทันที รวมถึงผู้ลี้ภัยจากประเทศกรีซและทูร์เคียที่ต้องพลัดถิ่นจากการล่มสลายของจักรวรรดิออตโตมันและสงครามประกาศอิสรภาพของทูร์เคีย
ผู้ลี้ภัยหลายล้านคนต้องพลัดถิ่นจากสงครามโลกครั้งที่ 1 และการล่มสลายของ 3 จักรวรรดิใหญ่ ถูกทิ้งให้รัฐไร้สัญชาติเนื่องจากแผนที่ยุโรปถูกกำหนดขึ้นใหม่และหลายประเทศต้นทางของผู้ลี้ภัยถูกตัดออกไป หนึ่งในทางออกของนานเซ็นคือการออกเอกสารใหม่ที่ทั้งสามารถระบุตัวตนและใช้เดินทางได้ ทำให้ผู้ถือเอกสารสามารถหางานในประเทศที่สามนอกเหนือจากประเทศที่มอบที่พักพิงให้พวกเขาได้ ซึ่งมีผู้ลี้ภัยชาวรัสเซียและอาร์เมเนียราว 450,000 คน ได้รับ “หนังสือเดินทางนานเซ็น” นี้
การทำงานด้านมนุษยธรรมอื่นของนานเซ็นจากในช่วงเวลาเดียวกันรวมถึงการส่งนักโทษสงครามกลับประเทศต้นทางและการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ชาวรัสเซียที่ตกอยู่ในความอดอยากหลายแสนคน
นานเซ็นได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อ 100 ปีก่อนในพ.ศ. 2465 และในปีนี้ยังเป็นโอกาสครบรอบทศวรรษที่มีการออกหนังสือเดินทางนานเซ็นที่ถูกยกเลิกไปในพ.ศ. 2485 รางวัลผู้ลี้ภัยนานเซ็นของ UNHCR ถูกจัดตั้งขึ้นในพ.ศ. 2497 และผู้ได้รับรางวัลคนแรกคือ เอเลนอร์ รูสเวลต์ ประธานคนแรกของคณะกรรมาธิการของสหประชาชาติเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกาในวาระของประธานาธิบดีแฟรงกลินดี รูสเวลต์
ผู้ชนะท่านอื่นที่มีชื่อเสียง ได้แก่ สมาชิกวุฒิสภาของสหรัฐอเมริกา เอ็ดเวิร์ด เคนเนดี้, นักร้องโอเปร่า ลูเซียโน ปาวารอตติ, นักมนุษยธรรม กราซา มาเชล, องค์การแพทย์ไร้พรมแดน และประชาชนในประเทศแคนาดา ทั้งนี้รางวัลนี้มักมอบให้กับองค์กรหรือบุคคลทั่วไปที่ได้อุทิศตนทำงานหนัก แต่ผลงานของพวกเขาที่ไม่ได้เป็นที่รับรู้ในวงกว้างนั้นควรคู่กับการสนับสนุนด้านงบประมาณและการยกย่องให้เกียรติ ตั้งแต่พ.ศ. 2560 UNHCR ได้ยกย่องผู้ชนะในระดับภูมิภาคขึ้นด้วยเช่นกัน
#UNHCRThailand #WithRefugees #NansenAward
Share on Facebook Share on Twitter