ความช่วยเหลือถูกส่งมอบไปยังศูนย์แรกรับที่ให้ที่พักพิงของครอบครัวของลุดมีลา และอีกหลายศูนย์ฯ ในยูเครนแล้ว ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ต้องขอขอบคุณการสนับสนุนจากกองทุนกลางเพื่อให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉินของสหประชาชาติ (CERF)
ลุดมีลา อายุ 87 ปี ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองคาร์คิฟ เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองของยูเครน มาทั้งชีวิต วันนี้เธอต้องอยู่ไกลจากบ้านและพักพิงอยู่ในเมืองอุซโฮโรด เมืองทางตะวันตกของยูเครน ในศูนย์แรกรับที่เป็นที่พักพิงของผู้พลัดถิ่นจากสงคราม เธอเป็นหนึ่งในจำนวนประชาชนกว่า 8 ล้านคน ที่กำลังพลัดถิ่นอยู่ในประเทศ
ลุดมีลา ยังไม่อาจเชื่อว่าเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องจริง เธออายุเพียง 6 ขวบ ตอนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นขึ้น เธอไม่เคยคิดเลยว่าเธอชีวตินี้เธอจะได้เห็นสงครามเกิดขึ้นอีกครั้งในประเทศของเธอ
“ฉันยังจำภาพความโหดร้ายของสงครามและความอดอยากสุดขีดที่เกิดขึ้นรอบตัวได้ คุณแม่ของฉันมักเดินทางไปยังหมู่บ้านใกล้ ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งของอะไรก็ตามที่เรามีกับอาหาร หรือสบู่ ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าเราต้องใช้ชีวิตในสงครามอีกครั้ง และฉันกังวลเกี่ยวกับครอบครัวเป็นอย่างมาก” ลุดมีลา กล่าว
ตอนที่สงครามเริ่มต้นขึ้นในยูเครนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ มีการทิ้งระเบิดและการระเบิดอย่างหนัก ทำให้ลุดมีลา และครอบครัวที่หนีออกจากบ้านมายังหลุมหลบภัยที่ใกล้ที่สุดซึ่งอยู่ในโรงเรียนอนุบาล พวกเขาใช้เวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์อยู่ในบังเกอร์ก่อนย้ายไปยังสถานีใต้ดินและใช้เวลาอยู่ที่นั่นต่ออีกหลายคืน ขณะที่การระเบิดทวีความรุนแรงขึ้น ครอบครัวของเธอตัดสินใจหนีออกจากเมืองคาร์คิฟ และแสวงหาที่พักพิงที่ปลอดภัยในพื้นที่อื่นของประเทศ
ลุดมีลา รวมถึงลูก ๆ และหลาน ๆ ของเธอเดินทางด้วยรถยนต์คันเก่าของพวกเขา และเริ่มขับออกไปโดยไม่รู้จุดหมาย การเดินทางที่ในที่สุดพาพวกเขามาไกลราว 1,300 กิโลเมตร จากบ้านมายังเมืองอุซโฮโรด
“เราพักค้างคืนในหลายเมืองมาตลอดทาง เราไม่รู้ว่าเราจะไปที่ไหนกันแน่ อาสาสมัครบอกเราเกี่ยวกับศูนย์แรกรับในเมืองอุซโฮโรด เราจึงเดินทางมาที่นี่ เรารู้สึกดีใจมากที่เรามีที่พักพิงและได้รับอาหารร้อน ๆ ที่ศูนย์แรกรับแห่งนี้”
นอกจากนี้ UNHCR ยังมอบความช่วยเหลือผ่านโครงการการมอบความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ลุดมีลา และครอบครัว เพื่อให้ครอบครัวสามารถใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นเร่งด่วนมากที่สุด
‘ความช่วยเหลือด้านการเงินทำให้เราสามารถซื้อยา อาหารสำหรับเด็ก ๆ รวมถึงสิ่งของที่จำเป็นอื่น ๆ เพราะเราต้องหนีออกจากคาร์คิฟ มาพร้อมกับข้าวของที่เอาติดตัวมาได้เพียงเล็กน้อย’
แม้ว่าตอนนี้ลุดมีลา และครอบครัวจะปลอดภัย แต่พวกเขารอคอยวันที่จะได้กลับบ้าน
“คาร์คิฟ เป็นเมืองที่ดีที่สุด ในเมืองมีดอกไม้มากมาย… แต่ตอนนี้มีเพียงซากปรักหักพังหลงเหลืออยู่ เราจะไปที่ไหนถ้าสงครามจบแล้ว? ฉันไม่รู้ว่าฉันจะต้องกลับไปที่ไหน”
UNHCR กำลังทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้ที่พักพิงของศูนย์แรกรับทั่วยูเครน เพื่อให้ที่พักพิงแก่ผู้พลัดถิ่นที่กำลังต้องการที่พักพิงที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น จนถึงตอนนี้ UNHCR ได้สนับสนุนศูนย์ฯ ดังกล่าวแล้ว 154 แห่ง ด้วยสิ่งของบรรเทาทุกข์ เช่น เสื่อนอน ผ้าห่ม อุปกรณ์ประกอบอาหาร เครื่องนอนและเครื่องใช้ นอกจากนี้ UNHCR ทำงานร่วมกับพันธมิตรเช่นองค์กร Nehemia เพื่อให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย และให้คำปรึกษาเพื่อเยียวยาจิตใจแก่ผู้คนในศูนย์แรกรับ
ความช่วยเหลือถูกส่งมอบไปยังศูนย์แรกรับที่ให้ที่พักพิงแก่ครอบครัวของลุดมีลา และอีกหลายศูนย์ฯ ในยูเครนแล้ว ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ต้องขอบคุณการสนับสนุนจากกองทุนกลางเพื่อให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉินของสหประชาชาติ (CERF) โดยกองทุน CERF ให้ความช่วยนับตั้งแต่ช่วงแรกที่เกิดเหตุการณ์ เพื่อช่วยให้ UNHCR สามารถยกระดับการทำงานเพื่อตอบสนองในสถานการณ์ฉุกเฉินได้
นอกจากนี้เพื่อสนับสนุนการจัดหาความช่วยเหลือที่นอกเหนือจากความช่วยเหลือด้านอาหารอาหารในศูนย์แรกรับ กองทุน CERF ช่วย UNHCR มอบความช่วยเหลือด้านการเงิน ที่พักพิง และการให้ความคุ้มครองในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การสนับสนุนการเยียวยาจิตใจ และการให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย แก่ประชาชนที่เปราะบางและได้รับผลกระทบมากที่สุด
Share on Facebook Share on Twitter