ใส น้ำจุม เกิดในครอบครัวไร้รัฐไร้สัญชาติในประเทศไทย เขาเพิ่งได้รับสัญชาติและพร้อมสานความหวังของเขาต่อในอนาคต
เรื่องโดย มอร์แกน รูสเซล-เอเมรี กรุงเทพฯ ประเทศไทย | 4 พฤศจิกายน 2564
ใส น้ำจุม ซ่อนรอยยิ้มกว้างของเขาไว้ภายใต้หน้ากากอนามัย
“ผมรอไม่ไหวแล้วที่จะได้บอกคนทั้งโลกว่าผมเป็นคนไทยแล้ว” เขาเล่าด้วยความสุขใจ ใสเพิ่งได้รับสัญชาติไทยตอนเขาอายุ 24 ปี
ใส ผู้รักการเตะฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจเล่นฟุตบอลให้กับทีมหมู่บ้าน “สันโค้ง” ในตำแหน่งกองกลาง ตอนนี้เขาต้องช่วยงานในไร่สับปะรดของครอบครัวที่บ้านเกิดของเขาในจังหวัดเชียงรายทางภาคเหนือของประเทศไทยไปก่อน จนกว่าเขาจะสามารถตามความฝันในการเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพได้
ใสทำงานเป็นอาสาสมัครชุมชนกับมูลนิธิแอ๊ดเวนตีสเพื่อการพัฒนาและบรรเทาทุกข์ (แอ๊ดดร้า ประเทศไทย) ซึ่งเป็นองค์กรพันธมิตรของ UNHCR อยู่ 2-3 เดือน ในช่วงนั้นเองเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการขอสัญชาติ
“เราจ่ายค่าที่ดินมาโดยตลอด แต่เราไม่อาจเป็นเจ้าของที่ดินได้ตามกฎหมาย”
ใสเกิดและโตในประเทศไทย ในครอบครัวที่ทั้งพ่อและแม่ไร้รัฐไร้สัญชาติ ตลอดเวลาที่ผ่านมาใสและครอบครัวต้องเผชิญกับอุปสรรคในหลายๆ ด้าน
“เรามีปัญหาในการเดินทางและย้ายไปตามที่ต่างๆ” ใสอธิบายให้ฟัง “ถ้าเราเดินทางข้ามจังหวัด เราต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่รัฐก่อนล่วงหน้า”
ครอบครัวของเขาไม่มีเอกสารแสดงตัวตน ทำให้การเข้าถึงกรรมสิทธิ์ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์มีข้อจำกัด “ที่ดินที่เราอาศัยอยู่ในปัจจุบันไม่มีชื่อของพวกเราอยู่ในเอกสารใดๆ เลย แม้ว่าเราจะจ่ายเงินซื้อมันมาแล้วก็ตาม เราสามารถถูกขอให้ออกจากพื้นที่ได้ทุกเมื่อ”
สำหรับครอบครัวของใส ที่ดินคือปัจจัยหลักในการยังชีพและมีความเสี่ยงที่จะถูกไล่ที่โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลมาก “เราจ่ายค่าที่ดินมาโดยตลอด แต่เราไม่อาจเป็นเจ้าของที่ดินได้ตามกฎหมาย” ใสย้ำอีกครั้ง
แต่ใสก็ยังมีความหวังอยู่ “ตอนนี้ผมได้สัญชาติไทยแล้ว ผมสามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นชื่อของผมได้แล้ว”
ใสได้รับสัญชาติเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2564 ตามมาตรา 7 ทวิ วรรค 2 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติไทย เขาเริ่มยื่นขอสัญชาติใน พ.ศ. 2562 หลังจากเพื่อนบ้านได้แนะนำให้รู้จักกับองค์กรแอ๊ดดร้าเป็นครั้งแรก ในขณะที่เขาทำงานกับแอ๊ดดร้าที่ศูนย์บริการอำเภอแม่จัน เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับสิทธิในการมีสัญชาติ การเข้าถึงการเป็นพลเมือง และสถานะทางกฎหมาย
ประเทศไทยเริ่มดำเนินการเชิงรุกเพื่อแก้ไขภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติใน พ.ศ. 2548 และมีการปฎิรูปกฎหมายสัญชาติและการทะเบียนราษฎรครั้งสำคัญใน พ.ศ. 2551 2559 และ 2562 เพื่อมอบ (คืน) สิทธิในสัญชาติแก่บุคคลที่ถูกเพิกถอนสัญชาติหรือผู้ที่ยังไม่สามารถยื่นขอสัญชาติได้
“ผมรู้สึกเสียใจที่โดนดูถูก ทั้งๆ ที่ผมเองก็เกิดในประเทศไทยและผมก็มีสิทธิที่จะเป็นคนไทย”
ใสเล่าย้อนไปถึงสมัยที่เขาโดนล้อที่โรงเรียน นักเรียนคนอื่นๆ มักเรียกเขาว่า “คนต่างด้าว”
“ผมรู้สึกเสียใจที่โดนดูถูก ทั้งๆ ที่ผมเองก็เกิดในประเทศไทยและผมก็มีสิทธิที่จะเป็นคนไทย” ใส กล่าว
เขายังเล่าอีกว่าประสบการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นนอกโรงเรียนด้วย ระหว่างที่มีการประชุมหมู่บ้าน บุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติมักถูกกีดกันและไม่ยอมให้ออกความคิดเห็น ใสจำได้ว่า มีคนผู้ว่า “เธอเป็นคนไม่มีสัญชาติ เธอไม่ใช่คนไทย ไม่มีเหตุผลที่คุณจะพูด”
ตั้งแต่ได้สัญชาติไทย ใสรู้สึกมั่นใจและอยากช่วยเหลือสมาชิกครอบครัวของเขาให้ได้สัญชาติด้วยเช่นกัน พี่ชายของเขาได้ยื่นขอสัญชาติแล้ว แต่ยังคงต้องรอการดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ ที่ล่าช้าออกไปเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ใสก้าวผ่านความท้าทายต่างๆ ของกระบวนการยื่นขอสัญชาติมาแล้วด้วยตัวของเขาเองเช่นเดียวกับบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติคนอื่นๆ เขาอธิบายถึงความยากในการรวบรวมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงขั้นตอนการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมและหลักฐานการสำรวจประชากรว่า “เอกสารไปค้างอยู่ตามที่ต่างๆ และใช้เวลาดำเนินการนานมาก เอกสารหลายอย่างก็ยากที่จะได้มา”
ประเทศไทยยังคงพยายามลดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ และได้เริ่มสนับสนุนแคมเปญ #IBelong เพื่อยุติภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติทั่วโลกใน พ.ศ. 2557 รัฐบาลได้ให้คำมั่น ณ ที่ประชุมระดับสูงว่าด้วยการยุติภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติของ UNHCR เมื่อ พ.ศ. 2562 ที่ซึ่งรัฐบาลต่างๆ และผู้มีส่วนร่วมหลักได้ร่วมกันหารือถึงวิธีการลดและยุติภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ
นอกจากนี้ UNHCR ชื่นชมรัฐบาลไทยที่มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา เรื่องหลักเกณฑ์การกำหนดสถานะและสิทธิของบุคคลที่อพยพเข้ามาและอาศัยอยู่มานาน ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนดไว้เมื่อ พ.ศ. 2553
จากข้อมูลเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2564 ประเทศไทยมีบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติที่ขึ้นทะเบียนกว่า 550,000 คน และนับตั้งแต่ พ.ศ. 2548 เป็นต้นมา รัฐบาลได้ให้สัญชาติแก่บุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติแล้วมากกว่า 100,000 คน ซึ่งใสดีใจที่เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น
ปัจจุบันนี้ เมื่อใสได้ทราบว่าสิทธิในการเป็นพลเมืองสามารถเปลี่ยนชีวิตของคนหนึ่งคนได้มากเพียงใด เขาได้ช่วยพี่น้องและพ่อแม่ในการยื่นขอสัญชาติไทยด้วยเช่นกัน ใสสามารถฝันถึงการไปดูนักฟุตบอลในดวงใจ ลิโอเนล เมสซี่ ลงเตะที่ใดก็ได้บนโลกใบนี้ แม้ว่าเขายังคงทำใจที่เมสซี่ต้องจากทีมฟุตบอลบาเซโลนาเพื่อไปร่วมทีมปารีแซ็ง-แฌร์แม็งก็ตาม
Share on Facebook Share on Twitter