UNHCR ยินดีที่ประเทศโตโกได้ภาคยานุวัติ ร่วมเป็นรัฐภาคีของสองอนุสัญญาแห่งสหประชาชาติว่าด้วยภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ
โตโก เป็นประเทศล่าสุดที่เข้าร่วมเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยสถานะของบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติ ค.ศ. 1954 และอนุสัญญาว่าด้วยการลดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ ค.ศ. 1961 เพื่อร่วมยกระดับและสนับสนุนการแก้ไขปัญหาภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติที่มีอยู่ทั่วโลก
ไร้รัฐไร้สัญชาติ คือสถานการณ์ที่บุคคลไม่ได้รับการรับรองว่ามีสถานะเป็นพลเมืองของรัฐใดเลย ปัญหานี้มีอยู่ทั่วโลกและส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนกว่าล้านคน ที่ถูกผลักไสให้เป็นคนชายขอบและตกอยู่ในภาวะที่เปราะบางเป็นอย่างยิ่ง
การที่ประเทศโตโกเข้าร่วมเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาในวันที่ 14 กรกฎาคม ที่ผ่านมานั้น แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการจัดการกับต้นเหตุของภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ และเป็นการสนับสนุนโครงการ #IBelong Campaign to End Statelessness by 2024 เพื่อยุติภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติของ UNHCR
การขับเคลื่อนในครั้งนี้แสดงถึงพลังของประชาคมนานาชาติในวาระครบรอบ 60 ปี ของอนุสัญญาว่าด้วยการลดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ ค.ศ. 1961 อีกทั้งเป็นความพยายามของ UNHCR ที่จะผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหานี้ในวงกว้าง
Filippo Grandi ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า “ผมขอชื่นชมประเทศโตโกที่เข้าร่วมเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติทั้งสองฉบับนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเจตจำนงในการยกระดับชีวิตของประชากรไร้รัฐไร้สัญชาติที่อาศัยอยู่ทั่วประเทศ และสนับสนุนการขจัดปัญหาไร้รัฐไร้สัญชาติที่มีอยู่ทั่วโลก”
“การรับรองอนุสัญญาในครั้งนี้ เป็นผลมาจากความร่วมมือในการแก้ปัญหาอันดีเยี่ยมในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก”
โดยก่อนหน้านี้โตโกและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกได้ให้การรับรองปฏิญญาอาบิดจาน ค.ศ. 2015 ของกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจแห่งรัฐแอฟริกา (the 2015 Abidjan Declaration of Economic Community of West African States (ECOWAS)) เพื่อยุติปัญหาไร้รัฐไร้สัญชาติในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก และแผนปฏิบัติการบันจูลเพื่อยุติปัญหาไร้รัฐไร้สัญชาติ ค.ศ. 2017 (the 2017 Banjul Plan of Action to Eradicate Statelessness)
การเข้าร่วมเป็นรัฐภาคีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาของประเทศโตโกนั้น สอดคล้องกับแผนที่จะปฏิรูปกฎหมายสัญชาติเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลในการป้องกันและลดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ รวมไปถึงการรับประกันสิทธิว่าด้วยสัญชาติอันเท่าเทียมของสตรีในการได้มาซึ่งสัญชาติ การถือและการส่งต่อสัญชาติ
ข้อมูลเพิ่มเติม
จากข้อมูลของประเทศในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกพบว่า ในปัจจุบันมีจำนวนประชากรที่ไร้รัฐไร้สัญชาติหรือประชากรที่ไม่ได้รับการรับรองสัญชาติอยู่ถึง 1.6 ล้านคนเป็นอย่างน้อย
ในขณะที่ทั่วโลกนั้น ตามสถิติที่ UNHCR ได้รับการรายงานจาก 94 ประเทศ พบว่าประชากรที่ไร้รัฐไร้สัญชาติมีจำนวนมากถึง 4.2 ล้านคน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประเทศส่วนมากไม่ได้ทำการเก็บข้อมูลของประชากรไร้รัฐไร้สัญชาติไว้ จึงเป็นไปได้ว่าจำนวนที่แท้จริงนั้นคงจะมีอยู่อีกมาก
บ่อยครั้งที่ประชากรไร้รัฐไร้สัญชาติไม่สามารถเข้าถึงการมีเอกสารทางกฎหมายและการบริการที่จำเป็นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น การศึกษา การรักษาพยาบาล การรับวัคซีนป้องกันโรค ซึ่งการที่ไม่มีสถานะทางกฎหมายนี้ล้วนส่งผลกระทบในเชิงลบต่อการดำรงชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย
Share on Facebook Share on Twitter